มิตรภาพที่มองไม่เห็น2 - มิตรภาพที่มองไม่เห็น2 นิยาย มิตรภาพที่มองไม่เห็น2 : Dek-D.com - Writer

    มิตรภาพที่มองไม่เห็น2

    เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์จริงที่เพื่อนของเราเขียนขึ้นซึ่งเราก็อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วยแต่เพื่อนเราเขียนไว้ได้ดีจึงไม่อยากเก็บไว้อ่านเพียงคนเดียว

    ผู้เข้าชมรวม

    201

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    201

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 พ.ย. 48 / 12:43 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      พวกเราเกือบจะต้องผิดหวัง  หลังจากที่ได้รู้ว่าโปรแกรมท่องเที่ยวสุดหรู ต้องถูกยกเลิกไป  โชคยังดีที่ผมมีเพื่อนอยู่ต่างจังหวัด  ผมจึงชวนเพื่อนกลุ่มผมและเพื่อนต่างกลุ่ม ที่สนิทกัน  ไปด้วย

                  หนึ่งวันเต็มหมดไปกับการท่องเที่ยว และปิดท้าย ทิปนี้ด้วยการนอนค้างบ้านเพื่อน  บรรยากาศของต่างจังหวัดก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้  มองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดและความเงียบ  แต่ก็ดีนะครับ  ทำให้เรามองเห็นดาวได้ชัดเจนขึ้น  พวกเรานั่งดี ทีวี  เล่นเกมส์ นั่งคุยกันไปเรื่อย  และตามธรรมเนียมของการพักแรม ก็ต้องมีการเล่าเรื่องผี !  ผมก็รู้สึกกลัว ๆ ยิ่งมาอยู่ต่างที่ด้วยแล้ว  ผมจึงฟังบ้างไม่ฟังบ้าง  แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คลาดคิดก็เกิดขึ้น ตูม ! เสียงอะไรบางอย่างตกลงไปในน้ำ  เพื่อน ๆ เริ่มพูดถึงที่มาของเสียงนั้น  ในใจผมอยากบอกเพื่อน ๆ ว่าอย่าไปสนใจเลย เพราะโบราณเค้าห้ามทัก  แต่เพื่อนผู้หญิงซึ่งเป็นเจ้าของบ้านก็ตัดสินใจออกไปดู  เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ผมได้ยินเสียงหนึ่ง ซึ่งแม้แต่ตอนนี้มันยังดังก้องอยู่ในหัวผม  เสียงของผู้หญิงที่กำลังหวีดร้อง  ด้วยความตกใจสุดขีด ราวกับว่าเธอได้เสียสติไปแล้ว  ผมและเพื่อน ๆ จึงออกไปดู  ในใจผมคิดว่า เพื่อนผม คงเจอผีแน่  แต่ไม่ครับ ภาพที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าผม  ทำให้ผมไม่แปลกใจเลยที่เพื่อนผมจะร้องออกมาอย่างนั้น

                   ยายของเพื่อนครับลงไปอยู่ในน้ำ  ขณะที่เพื่อนผมคนนั้นประคองร่างนั้นไว้ และยังตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยน้ำเสียง ประมาณว่า ขอใครสักคนก็ได้  มาช่วยเธอที มันเป็นเสียงเหมือนกับว่าในนาทีนั้นทำยังไงก็ได้ขอให้ช่วยยายให้ได้   ซึ่งยายก็ดูอาการไม่สู้ดีนัก  ทันทีที่ผมตั้งสติได้  ผมรีบไปเรียกแม่ของเพื่อน และเรียกเพื่อน อีก 2-3 คนวิ่งฝ่าความมืด ออกไปตามน้าผู้ชายที่พักอยู่อีกบ้านหนึ่ง (เพราะบ้านที่ผมพักมีแต่ผู้หญิงครับ)   โชคดีที่เมื่อตอนเย็นผมเดินไปสำรวจทางแถวนี้ไว้บ้างแล้ว เพราะในความมืดที่พวกเราวิ่งออกไปนั้น เรามองอะไรข้างหน้าไม่เห็นเลย  เมื่อผมกลับมาพร้อมอาผู้ชาย  เพื่อนผมอีกคนซึ่งก็เป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่ง อยู่ในน้ำช่วยเพื่อนคนนั้นประคองยายขึ้นมา  (ผมว่ายน้ำไม่เป็นเลยไม่ได้ลงไปช่วยกับเค้าด้วย)

                   หลังเหตุการณ์นี้สงบ ผมก็ได้ทราบว่ายายของเพื่อนพลัดตกน้ำ ระหว่างที่กำลังจะไปตักน้ำล้างหน้า  ซึ่งผมก็คิดว่าแปลกนะ เพราะปกติยายจะเดินไปได้ก็ต่อเมื่อมีไม้เท้า  แต่นี้ไม่มีอะไรเลยครับ ยายเดินตัวเปล่ามาครับ ระยะทาง  ระหว่างที่นอนยายกับ โอ่งน้ำก็ถือว่า ไกลครับ สำหรับคนแก่  นับว่าเป็นโชคดีที่  เพื่อนผม ออกไปดู เพราะหากเป็นผมคงไม่คิดจะออกไป เพราะ เสียงตอนตกน้ำ มันน่ากลัวเหมือนในหนังที่เพิ่งดูกันก่อนนอนครับ

                   พวกเราพยายามทำใจเย็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เช่นเดียวกับเพื่อนที่เป็นเจ้าของบ้าน  เธอพยายามพูดคุยอย่างร่าเริง  ผิดกับคนละคนที่ตะโกนอยู่ในน้ำเมื่อกี้เลย  แน่นอนล่ะ  เธอคงไม่อยากให้พวกเราคิดมาก  แต่ผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป  เมื่อกี้พวกเรายังนั้งคุยเล่นอย่างสนุกสนาน  แต่ตอนนี้แม้แต่หัวเราะ สีหน้าของเพื่อนบางคนยังดูเหมือนตกใจไม่หาย  พวกเราจึงตัดสินใจไม่นอน  ซึ่งผมคิดว่าทุกคนคงเป็นห่วงอาการของยาย

                   ราว ๆ ตีหนึ่ง  ยายของเพื่อนเริ่มหายใจไม่ออก  โชคดีที่ในระแวกนั้นมีถังออกซิเจน  แต่ก็ต้องเดินไปไกลพอสมควรอยู่ และแน่นอนครับ มันมืดมาก ๆ  พวกเราจะอาสาไปกันทั้งหมด แต่ผมว่าคงไม่สะดวก จึงไปกับเพื่อนที่เป็นเจ้าของบ้าน และเพื่อนอีกคนที่กลัวสุนัขมาก  ๆ คนหนึ่ง  เรา 3 คน กับไฟฉายเพียง  2  กระบอกออกเดินทางไปในความมืดและความเงียบของ สองข้างทาง   ถังออกซิเจนมีน้ำหนักไม่ใช่น้อยเลยครับสำหรับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ  แต่เราก็นำมันมาได้อย่างทุรักทุเร  เหตุการณ์ดูจะสงบลงอีก ครั้ง  ราวตี 3 พวกเราจึงนอนด้วยความอ่อนล้า  ซึ่งผมเชื่อว่าบางคน คงยากที่จะหลับได้สนิท  ในตอนเช้าทางบ้านเพื่อนนำยายส่งโรงพยาบาล พวกเราก็ตามไปดูอาการ  ทั้งที่วันนี้ยังมีโปรแกรมเที่ยวอีกมากมาย  แต่ก็ไม่มีใครบ่นสักคำ  ทุกคนเฝ้ายายด้วยท่าทางที่เป็นห่วง  เมื่อรู้ว่ายายปลอดภัยแล้ว  เราจึงไปวัดหลวงพ่อกัน เพื่อไหว้พระขอพรกลับบ้าน

                   เรื่องนี้อาจดูธรรมดาสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นี้  แต่ขอให้นึกภาพนะครับ  นี่คือเรื่องของกลุ่มเพื่อนที่มีแต่ผู้หญิง  คนที่ดูเหมือนรักสวยรักงาม  เจ้าสำอาง  กลัวความมืด  และอ่อนแอกว่าผู้ชาย  และที่สำคัญอย่างที่ผมบอกไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ผมมากับเพื่อนกลุ่มผมและเพื่อนต่างกลุ่มที่สนิทกัน ซึ่งตอนอยู่มหาลัย น้อยครั้งนักที่เราจะได้นั่งกินข้าวกับเพื่อนต่างกลุ่ม หรือน้อยครั้งนักที่เราจะเดินกับเพื่อนต่างกลุ่ม  จนดูเหมือนว่าเราไม่สนิทกัน  แต่ครั้งนี้เพื่อนต่างกลุ่มกลับเป็นตัวตั้งตัวตีให้พวกเราทำนู้นทำนี่  ในขณะที่พวกผมและเพื่อนในกลุ่มยังดูตกใจอยู่  คนที่วิ่งไปตามอาผู้ชายกับผมก็เป็นเพื่อนต่างกลุ่ม  คนที่กระโดดน้ำไปช่วยยายก็เป็นเพื่อนต่างกลุ่ม  ฉะนั้นคำว่ากลุ่มเพื่อนคงไม่มีความหมายอีกต่อไป  มีแต่คำว่า  เพื่อน   การไปเที่ยวครั้งนี้ผมได้รู้สึกถึงความรู้สึกมากมาย  ทั้งกลัว อบอุ่น ซึ้งในน้ำใจของเพื่อน  ทุกคนไม่พูดว่าเป็นห่วง  แต่สายตาของทุกคนมันพูดแทนอะครับ  ผมอยากทำอะไรก็ได้ให้ทุกคนได้รู้ว่า ผมโชคดีที่มีเพื่อนที่น่ารักมากมายอยู่ข้าง  ๆ   สิ่งเดียวในตอนนี้ที่ผมทำได้ ผม  Forward  ส่งไปยังเพื่อนทุกคนที่ผมรู้จัก  และหากคุณอยากมีเพื่อนดี ๆ  ก็จงดีกับเค้า ด้วยการส่งเรื่องนี้ต่อไปยังเพื่อนสนิทของคุณ อีก 5 คน เพื่อให้เค้ารู้ว่า  คุณอยากเป็นเพื่อนสนิทกับเค้า

                      เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เพื่อนของเราเขียนขึ้นและจุดประสงค์ที่เรานำเรื่องนี้มาลงก็เพราะต้องการให้ทุกคนเห็นคุณค่าของคำว่ามิตรภาพ   แม้ในบางครั้งมิตรภาพอาจถูกบดบังด้วยบางสิ่งบางอย่างแต่เมื่อใดที่เราทุกคนพร้อมที่จะยิ้มต้อนรับมันอย่างจริงจัง และจริงใจเมื่อนั้นมิตรภาพจะปรากฎขึ้นมาอยู่เคียงข้างเราเสมอไม่ว่าเมื่อใด จงอย่าให้มิตรภาพของคุณกลายเป็นมิตรภาพที่มองไม่เห็นอีกเลย

                                                                                                             นารูมิ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×